วิธีเลือกชื้อแอร์เคลื่อนที่

ดูการกินไฟ แอร์เคลื่อนที่กินไฟหรือไม่กิน โดยดูที่เลขวัตต์ หากเลขวัตต์ น้อย ๆ จะดี ( ดูที่ฉลาก ตรง เลข W สูงสุด วัตต์สูงสุด หรือ max W ) เช่น หากเลขวัตต์แอร์เคลื่อนที่ แจ้งว่า 1000w แสดงว่า หากเราเปิดแอร์เคลื่อนที่ไป 1 ชั่วโมง มิเตอร์ไฟจะหมุน 1 รอบ ( ค่าตายตัว 1000w คือ มิเตอร์ไฟหมุน 1 รอบ ) ก็เท่ากับ ค่าไฟ 1 หน่วย หากค่าไฟหน่วยละ 5 บาท มีความหมายว่า แอร์เคลื่อนที่ตัวนี้ กินไฟ ชั่วโมงละ 5 บาท แต่ หากเราอยากได้ แอร์เคลื่อนที่ ที่กินไฟชั่วโมงละ 2.5 บาท เราก็ต้องไปดูแอร์เคลื่อนที่ ตัวที่มีวัตต์ 500w ( ลดลงมาครึ่งหนึ่ง )
ดูกำลังการทำความเย็นของแอร์เคลื่อนที่ โดยดูที่บีทียูของแอร์เคลื่อนที่ หาก บีทียู มาก แสดง ว่าแอร์เคลื่อนที่เย็นมาก กว่าแอร์เคลื่อนที่ ที่มีเลข บีทียูน้อยกว่า ( แต่ทั้งนี้ แอร์เคลื่อนที่บีทียูมากกว่า ก็จะ กินไฟมากกว่าด้วยเช่นกัน ) ดังนั้น หากจะคิดให้ละเอียด คือ หาอัตราส่วนประสิทธิภาพแอร์เคลื่อนที่คร่าวๆ ดังนี้ โดย เอา เลขบีทียู หารด้วย เลขวัตต์พลังงานไฟฟ้าแอร์เคลื่อนที่ เช่น แอร์เคลื่อนที่รุ่นนี้ ขนาด 9000 บีทียู กินไฟสูงสุดที่ 1000W วิธีคิด คือ. 9000/1000 = 9 ( เลขยิ่งเยอะยิ่งดี ) หรือ มีความหมายง่ายๆ ว่า แอร์เคลื่อนที่ตัวนี้กินไฟเข้าไป 1 หน่วย แต่ ทำความเย็นออกมาได้ ตั้ง 9 หน่วย แบบนี้ถือว่าปกติ
เลือกขนาดแอร์เคลื่อนที่แบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานเรามากที่สุด และ เลือกขนาดมุ้งแอร์เก็บความเย็น ที่เหมาะกับจำนวนคนนอน หรือคนใช้งาน และ มีสถานที่ใช้งาน ที่พร้อมวางแอร์ วางมุ้ง แต่คำแนะนำคือ ไม่ควรนำแอร์เคลื่อนที่ไปใช้ในสถานทีรกรุงรัง
เสียงของแอร์เคลื่อนที่จำเป็นมาก เพราะถือว่าปัญหาของแอร์เคลื่อนที่คือเรื่องเสียงดังเลย ควรเลือกแอร์เคลื่อนที่เสียงเบาที่สุด เท่าที่จะหาได้ เพราะ จะไม่รำคาญบางรุ่นเครื่องทำงานเสียงดังมาก จนคนต้องเดินมาดู ว่าเสียงอะไร และเจ้าของแอร์เคลื่อนที่ขายมือสองทันที ไม่อยากใช้อีกเลย ดังนั้น วิธีเลือก คือ เลือกความดังของเสียง ( เดซิเบล ) เลขต่ำๆ จะดี แต่ หากจะให้มั่นใจ ต้องดู รีวิว และ ฟังเสียงจริง เพราะ สังเกต ว่าบางที ตัวเลข เดซิเบลเท่ากัน แต่ พอเปิดใช้งานจริง เสียงดังกว่าตัวเลขเดซิเบลถึง 3 สามเท่า ( ก่อนชื้อขอดู ใบรับรอง ฉลาก ว่ามีการรับรองตัวเลขเหล่านี้หรือไม่ )
ระบบน้ำทิ้งแอร์เคลื่อนที่ ( ระบบทำความเย็นแอร์เคลื่อนที่โดยปกติจะต้องมีไอน้ำเกาะท่อทองแดงฝั่งคอยล์เย็น เพื่อสมดุลอุณภูมิท่อ ) ดังนั้นจึงทำให้เกิดน้ำสะสมในถังพักน้ำใต้แอร์ ชึ่งจะต้องนำออก โดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

+1 ระบบระเหยน้ำทิ้งแอร์เคลื่อนที่ ด้วยปั๊ม ใช้ปั้มในการกระจายน้ำขึ้นคอยล์ร้อนแล้วระเหยน้ำไปเอง ระบบนี้ ดี เพราะ ระบบปั้มทนทาน ดูแลบำรุงรักษา หาอะไหล่ง่าย

+2 ระบบระเหยน้ำทิ้งแอร์เคลื่อนที่ แบบอัลตร้าโชนิค โดยใช้การสั่นสะเทือนน้ำทิ้ง ขี้นคอยล์ร้อนแล้วระเหยน้ำไปเอง ระบบนี้ ตอนนี้ ยังไม่แนะนำ เพราะ ดูแลยาก หากเสียกลางครันระหว่างใช้งาน ระบบจะไม่ตัด ทำให้น้ำล้นออกมาจากเครื่อง

+3 ระบบน้ำทิ้ง แบบทิ้งเอง โดยการต่อสายยาง ระบายน้ำออกใส่ภาชนะขนาด 2-3 ลิตร ต่อ วัน แล้วนำไปทิ้งเอง ระบบนี้ ไม่ต้องบำรุงรักษาระบบน้ำทิ้ง เราต้องนำน้ำไปทิ้งเองทุกวันอยู่แล้ว เป็นระบบแอร์เคลื่อนที่ดั้งเดิม ที่ดีอยู่แล้ว ผู้ใช้งานหลายคนชอบระบบนี้ ถึงแม้จะต้องรองน้ำไปทิ้งเองทุกวัน แต่ ก็สบายใจ เพราะหากเห็นน้ำแอร์ออกทุกวันนั่นหมายถึงแอร์ทำงานเย็นปกติ

ความทนทาน อายุความทนทานของแอร์เคลื่อนที่ ควรใช้งานได้ยาวนาน ถึงจะคุ้มค่า กับราคาที่จ่ายไป หากชื้อแอร์เคลื่อนที่ราคาถูกเกินไฟ จะต้องคอยเสียเวลา ซ่อม ติดต่อ เสียค่าซ่อม บ่อย ๆ และ ไม่มีความปลอดภัย ดังนั้น อายุการใช้งานควรประมาณ 5 ปีขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการบำรุงรักษาด้วย) บางยี่ห้อแอร์เคลื่อนที่มีราคาสูง แต่ก็ได้สินค้าคุณภาพดี ใช้งานแล้วมั่นใจ และ มีบริการหลังการขายแอร์เคลื่อนที่ติดต่อง่าย พูดจาดี แก้ปัญหา รวดเร็ว
มาตรฐานแอร์เคลื่อนที่ ที่กำหนดโดยสถาบันไฟฟ้า ที่ได้รับรองจากทางราชการ เช่น สถาบันไฟฟ้า และ มอก. ชื้อแอร์เคลื่อนที่ในประเทศจะมีมาตรฐานกว่า เพราะ มาตรฐานไฟฟ้าของแต่ละประเทศรองรับระบบแอร์เคลื่อนที่ต่างกัน
การรับประกันแอร์เคลื่อนที่ ต้อง 1 ปี ขึ้นไป และรับประกันทั้งตัวเครื่อง และ คอมเพรสเซอร์ (ชิ้นส่วนอะไหล่แอร์เคลื่อนที่ที่บริษัทส่วนใหญ่รับประกัน คือ Compressor เพราะฉะนั้นควรเลือกยี่ห้อที่มี การรับประกันอะไหล่แอร์เคลื่อนที่ด้วย และ เลือกร้านที่มี บริการหลังการขายที่ดี ติดต่อง่าย ไม่ถ้ามหาข้อมูล ทำให้เรายุ่งยาก โดยดูได้จากรีวิว ลูกค้าเก่า )